สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย ประกอบกับการรายงานดัชนีภาคบริการที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐอาจฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดตลาดที่ 76.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.52-78.04 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 75.92 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.46-76.99 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.83 เซนต์ ปิดที่ 2.0194 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.ลดลง 1.23 เซนต์ ปิดที่ 2.0194 ดอลลาร์/แกลลอน
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจาก Rice University กล่าวว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคลดการใช้จ่ายด้านพลังงานเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังผันผวน นอกจากนี้ ข้อมูลภาคธุรกิจที่ซบเซายังส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจด้วย
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ม.ค.พุ่งขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 329.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล แตะที่ 156.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 228.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 77.7%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.ขยับขึ้นแตะระดับ 50.5 จุด แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ 51.0 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว นักลงทุนจับตารายงานตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 13,000 คน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2553 แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 10% ในเดือนม.ค.