สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ปิดร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่ลดลงเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 3.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ร่วงลง 3.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 8.42 เซนต์ ปิดที่ 1.9352 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 8.54 เซนต์ ปิดที่ 1.9508 ดอลลาร์/แกลลอน
นักวิเคราะห์จากบริษัท Oppenheimer & Co. กล่าวว่า นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า จำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ดีมานด์หรือยอดขายพลังงานหดตัวลงด้วย โดยเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค.เพิ่มขึ้น 8,000 ราย แตะที่ 480,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 460,000 ราย
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 22,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ทำให้นักลงทุนจับตาดูข้อมูลการจ้างงานซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนม.ค.จะอยู่ที่ระดับ 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 13,000 คน
นักวิเคราะห์จาก PFGBest กล่าวว่า ก่อนหน้าที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนคนว่างงานประจำสัปดาห์นั้น ตลาดน้ำมัน NYMEX ถูกกดดันอยู่ก่อนแล้ว จากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ม.ค.พุ่งขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 329.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกแก๊ซธรรมชาติในรอบสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ระดับ 2.41 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยระยะ 5 ปี