นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลนำข้าวในสต็อกเข้ามาระบายผ่านตลาด AFET โดยทยอยขายเป็นรายเดือน จะเป็นผลดีต่อตลาดข้าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากการประมูลข้าวผ่าน AFET ก่อให้เกิดการแข่งขันในการเสนอราคาค่อนข้างสูง
เนื่องจากการประมูลดังกล่าวเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการค้าข้าวทุกคนมีสิทธิในการเข้าร่วมประมูล จึงมีผู้เข้าร่วมประมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเป็นผู้ส่งออก ผู้ประกอบการโรงสี ตลอดจนผู้ค้าข้าว(หยงข้าว) รวมถึงผู้ที่ได้รับใบอนุญาตค้าข้าวอื่นๆ สามารถมีส่วนร่วมได้
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ประมูลข้าว เพื่อระบายผ่าน AFET ไปแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน และส่งมอบข้าวไปแล้วประมาณ 7 แสนตัน โดยที่ผ่านมาได้มีการประมูลข้าวสูงสุดถึง 260,000 ตันต่อครั้งการประมูล ผู้ที่ร่วมประมูลข้าวผ่าน AFET ดังกล่าวต่างพอใจในวิธีการ เนื่องจากผู้ที่ไม่ชนะการประมูลมีโอกาสที่จะเข้าร่วมประมูลในครั้งต่อไปได้
ขณะเดียวกัน การกำหนดราคาขายโดยอิงราคา AFET ทำให้มีการกำหนดราคาขายข้าวของรัฐโดยกลไกการซื้อขายล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาในแต่ละช่วงเวลาสอดคล้องกับสภาวะตลาดที่แท้จริง อีกทั้งการระบายข้าวผ่าน AFET ซึ่งเป็นราคาตลาด ไม่ทำให้ราคาของตลาดข้าวได้รับผลกระทบจากอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้น
นายนิทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้ามาใช้ AFET จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้มากขึ้น การซื้อขายล่วงหน้าใน AFET มีทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าจริง ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือยางพารา เข้ามาซื้อขายในตลาดโดยเฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 50 ของปริมาณการซื้อขายใน AFET ทั้งหมด ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ราคาเบี่ยงเบนไปจากสภาวะของตลาด เพียงแค่ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ผู้ประกอบการเหล่านี้ย่อมรู้ถึงความเบี่ยงเบนดังกล่าว ก็จะเข้ามาซื้อขาย โดยอาศัยความไม่สมดุลดังกล่าวสร้างผลตอบแทน จนทำให้ราคากลับสู่ดุลยภาพอีกครั้ง