สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมีข่าวว่าสหภาพยุโรป (อียู) กำลังวางแผนกอบกู้วิกฤตการณ์การเงินของกรีซ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 71.32-74.15 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.88% ปิดที่ 72.13 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวใน ช่วง 69.61-72.47 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมีข่าวว่าอียูและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะยื่นมือแก้ไขวิกฤตการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ ซึ่งทำให้เกิดความคาดหวังว่าปัญหายอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของกรีซจะได้รับการช่วยเหลือในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะเพิ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อให้พลังงานกับเตาปฏิกรนิวเคลียร์เป็น 20% ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด เรียกร้องให้สำนักงานพลังงานปรมาณูอิหร่านเริ่มเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมในระดับที่สูงขึ้น
การเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเหนือระดับ 20% ถือเป็นการเสริมสมรรถนะในระดับสูงซึ่งอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างที่เกิดในการระเบิดของนิวเคลียร์ได้ อย่างไรก็ตาม อิหร่านยืนกรานมาโดยตลอดว่าทำการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับรองรับความต้องการของประชากรในประเทศเท่านั้น แม้ว่าสหรัฐและประเทศพันธมิตรกล่าวหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อใช้เป็นอาวุธก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.จะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%