สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) คาดการณ์ว่าดีมานด์พลังงานทั่วโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และข่าวผู้นำชาติยุโรปพร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือกรีซ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 75.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.61 เซนต์ ปิดที่ 1.963 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.9357 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 73.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมัน NYMEX ทะยานขึ้นหลังจากไออีเอปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2553 เป็น 85.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 85.3 ล้านบาร์เรล/วัน
ภาวะการซื้อขายคึกคักมากยิ่งขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.พ.ร่วง 43,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 440,000 ราย โดยลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 483,000 ราย และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 465,000 ราย
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังขานรับข่าวที่ว่าผู้นำชาติยุโรปได้บรรลุข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือกรีซให้สามารถจัดการรับมือกับวิกฤตขาดดุลงบประมาณแล้ว โดยผู้นำชาติยุโรปได้ร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอูของกรีซ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีย์ ของฝรั่งเศส ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.พุ่งขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.พ.จะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%