สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) โดยดัชนีเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางอาจส่งผลให้เกิดภาวะซัพพลายตึงตัว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 79.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.83 เซนต์ ปิดที่ 2.0699 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.65 เซนต์ ปิดที่ 2.0857 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 78.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากปิโตรเมทริกซ์กล่าวว่า นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX อย่างคึกคักนับตั้งแต่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงภาคการผลิตในนิวยอร์กที่ขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด โดยดัชนี Empire State Manufacturing Index เดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับ 24.91 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 18 จุด และมากกว่าเดือนม.ค.ที่ระดับ 15.92 จุด
ขณะที่ตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นในอัตรา 591,000 ยูนิต/ปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 580,000 ยูนิต/ปี สะท้อนให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเผชิญภาวะตกต่ำในปีที่แล้วนั้น เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ ภาวะตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิหร่าน ทำให้นักลงทุนมองว่าอาจส่งผลให้เกิดภาวะซัพพลายตึงตัว โดยเมื่อเร็วๆนี้ประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดิเนจ๊าด ของอิหร่าน ประกาศว่าอิหร่านสามารถผลิตยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะเป็น 20% ได้เป็นล็อตแรก หลังจากที่เพิ่งประกาศเริ่มต้นกระบวนการดังกล่าวเพียงแค่สองวันก่อนหน้านี้
ความเคลื่อนไหวของอิหร่านส่งผลให้นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรของสหรัฐในตะวันออกกลางสนับสนุนการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน