สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) โดยสัญญายังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับใกล้ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ดีมานด์พลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข่าวการประท้วงของคนงานที่โรงกลั่นน้ำมันในฝรั่งเศส
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (NewYork Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ ปิดที่ 80.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.25-80.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.0788 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.01 เซนต์ ปิดที่ 2.1158 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ 78.61 ดอลลาร์/แกลลอน
นักลงทุนเชื่อมั่นว่าแม้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) 0.25% เป็น 0.75% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งหน้า หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ทั่วไป เดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.1% ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้แรงหนุนจากเหตุการณ์ประท้วงของคนงานที่โรงกลั่นน้ำมันในฝรั่งเศส หลังจากคนงานโรงกลั่นของบริษัท โททาล ผละงานเป็นวันที่ 6 ขณะที่สหภาพแรงงานเปิดเผยว่าการผละงานในครั้งนี้จะส่งผลให้กำลังการกลั่นน้ำมันทั่วฝรั่งเศสลดลงครึ่งหนึ่ง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงวันข้อมูลราคาบ้านเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นต้นประจำไตรมาส 4 ปี 2552 และรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.