สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะทำให้ดีมานด์พลังงานและกำลังซื้อด้านพลังงานหดตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.83 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.17-77.83 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 5.59 เซนต์ ปิดที่ 1.9862 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมี.ค.ลดลง 6.19 เซนต์ ปิดที่ 2.0370 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบและสัญญาน้ำมันประเภทอื่นๆ เนื่องจากความกังวลที่ว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐอาจส่งผลบั่นทอนกำลังซื้อและดีมานด์พลังงาน โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.พ.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 496,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 474,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย
ตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันสองสัปดาห์ ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนม.ค.ลดลง 20,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานประจำเดือนม.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 9.7% ซึ่งบ่งชี้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับวิกฤตการณ์จ้างงาน
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐยอมรับว่า ตลาดแรงงานได้รับผลกระทบหนักสุดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเบอร์นันเก้คาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 6.5-7.5% ภายในปี 2555 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของเฟดที่ระดับ 5%
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ.พุ่งขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล แตะที่ 337.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 0.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 152.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 231.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.4% แตะที่ 81.2%