สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นหลายรายการ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 79.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.82 - 80.05 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.18 เซนต์ ปิดที่ 2.0788 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.87 เซนต์ ปิดที่ 2.0249 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนจากความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากที่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากอังกฤษ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
โดยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ เป็นขยายตัว 0.3% ดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งขึ้นในภาคบริการและการผลิต ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลุดพ้นจากภาวะถดถอยอย่างแน่นอนแล้ว และการเปิดเผยจีดีพีที่ได้รับการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ช่วยคลายกังวลให้หลายฝ่าย หลังจากที่หวั่นเกรงกันว่าจีดีพีเดือนต.ค.-ธ.ค.2552 อาจถูกปรับลดลง
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ เป็นขยายตัวแตะ 5.9% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และตัวเลขดังกล่าวยังเพิ่มขึ้นจากที่ประเมินไว้ในระดับ 5.7% ในเดือนก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในเขตชิคาโกปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 62.6 จุดในเดือนก.พ. จากระดับ 61.5 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างฟื้นตัว