สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 96 เซนต์ หรือ 1.21% ปิดตลาดที่ 78.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.06-80.62 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.ลดลง 1.18 เซนต์ ปิดที่ 2.0235 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนเม.ย.ลดลง 3.23 เซนต์ ปิดที่ 2.1556 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 70 เซนต์ ปิดที่ 76.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.21-78.47 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.ขยายตัวสู่ระดับ 56.5 จุด ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต แต่ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.ขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าเดือนม.ค.ที่ระดับ 58.4 จุด และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 57.5 จุด
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร และหันมาถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.จะลดลง 20,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ระดับ 9.7%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.พ. ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะทรงตัวที่ 81.2%