สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดตลาดที่ 79.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.26-80.95 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ระดับ 78.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.55-79.25 ดอลลาร์
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และเชื่อว่าสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่กรีซ หลังจากที่กรีซเผชิญกับตัวเลขขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงกว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มอียู
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ ขยายตัว 5.9% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.7% และขยายตัวดีกว่าไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.2%
นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.พ.จะลดลง 20,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่ระดับ 9.7%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.พ. ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะทรงตัวที่ 81.2%