สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง รวมทั้งรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันกลั่นสหรัฐปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้วและโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มปริมาณการผลิตก่อนที่ฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐจะเริ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลกรีซประกาศใช้มาตรการลดยอดขาดดุล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.76 เซนต์ ปิดที่ 2.0937 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.1 เซนต์ ปิดที่ 2.2476 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ 79.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX อย่างคึกคักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และจากข่าวที่ว่ารัฐบาลกรีซอนุมัติมาตรการใหม่ที่จะช่วยลดตัวเลขขาดดุลลงอีก 4.8 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งรวมถึงการลดโบนัสสำหรับข้าราชการลง 30% การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 19 เป็น 21% ตลอดจนการขึ้นภาษีเหล้าและบุหรี่
ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.ขยายตัวแตะระดับ 53.0 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 50.5 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 51.0 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันกลั่นในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.พ. ลดลง 900,000 บาร์เรล แตะที่ 151.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 4.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 341.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล แตะที่ 231.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.7% แตะที่ 81.9% สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.1%