สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 44 เซนต์ หรือ 0.5% แตะที่ 81.05 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้าวันนี้ จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 81.49 ดอลลาร์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทำให้นักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งถึงภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว
กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 150,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ 81.9%
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตการณ์การเงินของกรีซอาจส่งผลให้อีกหลายประเทศในยุโรปเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานหลังจากตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 มี.ค.พุ่งขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ) คาดว่าดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้นราว 1.47 ล้านบาร์เรล/วันในปีพ.ศ.2553 และคาดว่าดีมานด์น้ำมันในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วัน แตะที่ 18.89 ล้านบาร์เรล/วันในปีพ.ศ.2553 2010 โดยตัวเลขคาดการณ์ในครั้งล่าสุดอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนประมาณ 30,000 บาร์เรลวัน
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 17 มี.ค.ที่กรุงเวียนนา โดยโอเปคจะตัดสินใจว่าควรปรับเพดานการผลิตน้ำมันหรือไม่ หลังจากที่โอเปคตกลงกันในที่ประชุมปี 2552 ว่าควรคงเพดานการผลิตรายวันไว้ที่ 4.2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากดีมานด์ในตลาดโลกถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย