สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัวในสหรัฐ หลังจากสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 82.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 81.33-82.32 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.ทรงตัวที่ระดับ 2.115 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.31 เซนต์ ปิดที่ 2.272 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 80.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 79.65-80.67 ดอลลาร์
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค. ลดลง 6,000 ราย แตะที่ 462,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 468,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมัน NYMEX ถูกกดดันอย่างหนักจากความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 มี.ค.เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล หรือ 0.4% แตะที่ 343 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 2.9 ล้านบาร์เรล หรือ 1.3% แตะที่ 229 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 149.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 950,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นลดลง 1.2% แตะที่ 80.7%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่ว่ารัฐบาลจีนอาจใช้มาตรการควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ร้อนแรงเกินไป หลังจากทางการจีนรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค( CPI) เดือนก.พ.ขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 17 มี.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยก่อนหน้านี้โอเปคคาดการณ์ว่าดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกปีพ.ศ.2553 จะเพิ่มขึ้น 880,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 810,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้