สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สวนทางกัน ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถคาดเดาแนวโน้มดีมานด์พลังงานได้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 87 เซนต์ ปิดที่ 81.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.57-83.16 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.ลดลง 2.1 เซนต์ ปิดที่ 2.094 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.7 เซนต์ ปิดที่ 2.255 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 89 เซนต์ ปิดที่ 79.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัวลง 0.2% ขณะเดียวกันสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันของปีนี้เป็น 86.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือมากกว่าปีที่แล้ว 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ลดลงแตะ 72.5 จุดในเดือนมีนาคม จาก 73.6 จุดในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดและบดบังปัจจัยบวกที่กล่าวมาทั้งหมด
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้แทบไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจใดที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ดังนั้นตลาดจึงกำลังรอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่สามารถบ่งชี้ทิศทางของตลาดได้ โดยเฉพาะผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมโอเปคที่กรุงเวียนนาในสัปดาห์หน้า