ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 24.845 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการคงเพดานการผลิตติดต่อกันครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2551 เป็นต้นมา โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาราคาน้ำมันไว้ที่ระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ การตัดสินใจคงเพดานการผลิตน้ำมันยังสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และสอดคล้องกับที่รัฐมนตรีพลังงานโอเปคอออกมาส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอเปคจะตัดสินใจคงเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้
นายเกอร์มานิโค อัลเฟรโด พินโต โตรยา รมว.พลังงานเอกวาดอร์ และประธานการประชุมโอเปค กล่าวภายหลังการประชุมว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีพ.ศ.2553 ยังอยู่ในภาวะเประบาง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันด้วย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่าย รวมถึงกลุ่มโอเปค ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค และประเทศผู้นำเข้านำมัน ร่วมกันสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมัน
ด้านนายอับดุลเลาะห์ เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปคกล่าวว่า โอเปคมีขีดความสามารถในการผลิตน้ำมันมากพอที่จะรองรับความต้องการทั่วโลกได้ โดยปัจจุบันโอเปคสามารถผลิตน้ำมันได้ร้อยละ 40 ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีพลังงานหลายคนของโอเปคได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะมีการคงเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้ โดยนายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวในช่วง 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือเป็นระดับที่เหมาะสม ดังนั้น ผมยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะเข้าไปแทรกแซงสถานการณ์ที่ราบรื่นเช่นนี้"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า 12 ชาติสมาชิกของกลุ่มโอเปคประกอบไปด้วย ซาอุดิอาระเบีย อัลจีเรีย แองโกลา เอกวาดอร์ อิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวเนซูเอลา