สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะร่วงลงอีก ซึ่งบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงหดตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับข่าวประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ลงนามบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดบวก 31 เซนต์ มาอยู่ที่ระดับ 81.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 81.91-81.83 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ดีดขึ้น 1.81 เซนต์ ปิดที่ 2.1018 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 2.2628 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 80.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มี.ค.ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทยนั้น จะพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.1%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบสามารถปิดในแดนบวกได้เพราะได้ปัจจัยบวกจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากประธานาธิบดีโอบามาลงนามบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ 212 ไปเมื่อวันจันทร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ลดลงเพียง 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 5.02 ล้านยูนิต ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะดิ่งลงสู่ระดับ 5.00 ล้านยูนิต
หลังจากตลาดน้ำมัน NYMEX ปิดทำการแล้ว การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค.พุ่งขึ้น 7.5 ล้านบาร์เรล