สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 81 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัวในสหรัฐ นอกจากนี้ รายงานยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงเหนือความคาดหมาย และข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตโปรตุเกส ยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.80-80.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 4.17 เซนต์ ปิดที่ 2.2211 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.ลดลง 3.11 เซนต์ ปิดที่ 2.0707 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบ ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มี.ค. พุ่งขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรล หรือ 2.1% แตะที่ระดับ 351.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ซึ่งได้รับการสำรวจความคิดเห็นจาก McGraw-Hill Cos คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเดียง 1.67 ล้านบาร์เรล ซึ่งสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงหดตัวลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชือถือของโปรตุเกสลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA- เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลโปรตุเกสร่วงลงอย่างหนักในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ฟิทช์ระบุว่าเศรษฐกิจโปรตุเกสจะฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นๆที่ใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นในยุโรปดิ่งลง และส่งผลให้สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐด้วย
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.ร่วงลง 2.2% แตะที่ระดับ 308,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบแล้ว กระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล หรือ 1.2% แตะที่ระดับ 224.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 145.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.25 ล้านบาร์เรล