สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) หลังรัฐบาลเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสสี่ปีที่แล้วขยายตัวน้อยกว่าที่ได้มีการประเมินก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอัตราการขยายตัวของความต้องการพลังงานอาจชะลอตัว
สัญญาน้ำมัน NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 53 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 79.54 - 81.46 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้นเล็กน้อยมาปิดที่ระดับ 2.0697 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนเม.ย.ลดลง 1.03 เซนต์ ปิดที่ 2.1975 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 79.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า เนื่องจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ภายหลังผู้นำยุโรปตกลงกันได้ถึงวิธีการที่จะช่วยกรีซลดหนี้จำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังวิตกว่าแผนการดังกล่าวอาจไม่ได้ช่วยขจัดความกังวลในระยะยาวเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่เปราะบางและสถานะการคลังที่อ่อนแอในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันกลับมาปรับตัวลดลง หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 4 ปี 2552 ขยายตัว 5.6% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากระดับ 5.9% ในการประเมินก่อนหน้านี้ โดยรายงานจีดีพีวานนี้นับเป็นผลการประเมินครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์สองครั้งก่อนหน้านี้ของรัฐบาล การปรับทบทวนลงเป็นผลมาจากการก่อสร้างเชิงพาณิชย์และสินค้าคงคลังที่ลดลง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนที่แล้วน้อยกว่าคาดการณ์
นอกจากนี้ เหตุการณ์เรือทหารเกาหลีใต้อับปางลง ซึ่งมีบางส่วนเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ทำให้เทรดเดอร์วิตกว่า สถานการณ์ตึงเครียดจะกระทบต่อความต้องการพลังงานในภูมิภาค