สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโคของรัสเซีย ซึ่งทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายพลังงาน เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ นอกจากนี้ รายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ดีดตัวขึ้นของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.18-82.78 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.39 เซนต์ ปิดที่ 2.2613 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.88 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 81.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจ้าหน้าที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ว่า เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟใต้ดินลุบยานกา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโคของรัสเซีย นอกจากนี้ มีรายงานว่าได้เกิดระเบิดขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง คือที่สถานีปาร์กคัลตูรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 38 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า เหตุระเบิดทั้งสองครั้งอาจเกี่ยวข้องกันและเกิดจากมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด
นักวิเคราะห์จากบริษัทพลังงาน PFG กล่าวว่า ข่าวเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟใต้ดินในรัสเซียได้สร้างความตื่นตระหนกและทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดปัญหาด้านซัพพลายพลังงาน เนื่องจากกรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ และยังทำให้เกิดความกังวลตามมาว่าอาจเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันในประเทศอื่นๆ รวมถึงกลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้นั้น จะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2%