กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 มี.ค.พุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล หรือ 0.8% แตะที่ระดับ 354.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ซึ่งได้รับการสำรวจโดยบริษัท แมคกรอว์-ฮิลส์ คอส คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.65 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล หรือ 0.1% แตะที่ 224.9 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 144.6 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 82.6%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปีพ.ศ. 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย