สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากประเทศยักษ์ใหญ่ รวมถึงสหรัฐ จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าการขยายตัวของภาคการผลิตทั่วโลกจะช่วยให้ดีมานด์พลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 3.77 เซนต์ ปิดที่ 2.2167 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.65 เซนต์ ปิดที่ 2.3237 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่ง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จาก Petromatrix กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคักเพราะเชื่อมั่นว่าดีมานด์พลังงานทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากสหรัฐ จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 59.6 จุดในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปีครึ่ง จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 56.5 จุด
ขณะที่สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตประจำเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 55.1 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 52 จุดในเดือนก.พ. โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอินเดียยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุด และดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -14 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 11 จุดจากระดับ -25 จุดของไตรมาสก่อนหน้านี้ และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันสี่ไตรมาส
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับที่ประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอฟ) ที่คาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีเม็ดเงินลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการทางพลังงานเป็นเงิน 25 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 20 ปีข้างหน้า
*ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย.นี้ เนื่องในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday)*