สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานและข้อมูลภาคบริการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดตลาดที่ 86.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.2552
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาปิดที่ระดับ 2.2683 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ค.ลดลง 0.19 เซนต์ ปิดที่ 2.3483 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 86.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 ปี และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 9.7% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 55.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 53 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคบริการและภาคธุรกิจมีการขยายตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 เม.ย. ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2%
รายงานระบุว่า ภายหลังจากตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการเมื่อคืนนี้ การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นขยับขึ้น 723,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบเบนซินร่วงลง 3.0 ล้านบาร์เรล