สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าตัวเลขว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.รูดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 85.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.73-84.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 1.57 เซนต์ ปิดที่ 2.2281 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ค.ลดลง 1.64 เซนต์ ปิดที่ 2.2983 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ดีดขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 84.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากออยล์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิสเซส ในสหรัฐ กล่าวว่า Serviceภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กซบเซาและถูกกดดันจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 18,000 คน แระที่ระดับ 460,000 คนในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกว่าจะอยู่ที่ระดับ 435,000 คน
ข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และยังสนับสนุนมุมมองของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวว่า อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงของสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งกล่าวว่า 40% ของผู้ที่ถูกเลย์ออฟยังคงหางานทำไม่ได้เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งสูงกว่าในปีที่แล้วเกือบสองเท่า หากอัตราว่างงานยืนอยู่ในระดับสูงนานเกินไป ก็จะส่งผลบั่นทอนทักษะการทำงานของพนักงานและจะยิ่งทำให้รายได้ระยะยาวปรับตัวลดลงด้วย
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ) ประกาศทบทวนตัวเลขดีมานด์น้ำมันดิบในสหรัฐประจำเดือนม.ค.ว่าปรับตัวลดลง 1.44 % ซึ่งมากกว่าการประเมินครั้งก่อน และระบุว่าปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐในเดือนม.ค.ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 เม.ย.พุ่งขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 356.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น พุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 145.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล