สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่ดีดตัวขึ้นของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.79 เซนต์ ปิดที่ 2.2421 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.34 เซนต์ ปิดที่ 2.3327 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่ง หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 เม.ย.ร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล หรือ 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 354 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บริษัทแมคกรอว์-ฮิลล์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล และอยู่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วราว 3.5%
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล หรือ 0.5% แตะที่ 221.3 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 146.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ระดับ 85.6% เพิ่มขึ้น 1.1%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคสหรัฐมีการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดการณ์ว่า ดีมานด์พลังงานในปี 2553 จะอยู่ที่ระดับ 85.21 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดีมานด์พลังงานปี 2553 จะอยู่ที่ 85.24 ล้านบาร์เรล/วัน