มารูเบนิ คอร์ป ซึ่งเป็นเทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่สุดของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า ราคายางในตลาดโลกจะร่วงลงถึง 22% ภายในปีนี้ เนื่องจากราคายางที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทผลิตยางรถยนต์แบกรับต้นทุนที่สูงเกินไป
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของมารูเบนิคาดว่า ราคายางแผ่นรมควันอาจเคลื่อนไหวในช่วง 2-3.70 ดอลลาร์/กิโลกรัมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยกล่าวว่าการที่ราคายางพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นส่งผลให้ผู้ผลิตยางรถยนต์ในจีนเข้าซื้อน้อยลง และทำให้กลุ่มผู้ซื้อรายอื่นๆยังไม่รีบร้อนที่จะเข้าซื้อยางเนื่องจากมียางในสต็อกสำรองไว้มากพอ
ราคายางในตลาดโลกทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ เนื่องจากประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางรายใหญ่ของโลก เข้าสู่ฤดูต้นยางผลัดใบ ซึ่งทำให้ผลผลิตลดน้อยลง และส่งผลให้ซัพพลายยางหดตัวลง สวนทางกับดีมานด์ยางรถยนต์ในประเทศจีนที่พุ่งสูงขึ้น โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา สัญญายางล่วงหน้าในตลาด TOCOM (Tokyo Commodity Exchange) ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน
นอกจากนี้ มารูเบนิคาดการณ์ว่า ผลผลิตยางทั่วโลกจะขยายตัวขึ้น 3-5% ต่อปี เนื่องจากยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้นในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่สุดของโลก ขณะที่สมาคมกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในจีนจะขยายตัว 10% มาอยู่ที่ระดับ 3.35 ล้านตัน
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ได้นำยางจำนวน 30,000 ตันจากสต็อกของรัฐบาลออกมาประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ในราคาสูงถึง 26,000 หยวน (3,809 ดอลลาร์)/ตัน เมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานที่ 22,200 หยวน/ตัน และยังวางแผนที่จะนำยางอีก 30,000 ตันออกมาประมูลในวันที่ 23 เม.ย.นี้