สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงยอดขายบ้านมือสอง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 83.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 83.70-82.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.ดีดขึ้น 0.92 เซนต์ ปิดที่ 2.215 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.75 เซนต์ ปิดที่ 2.3002 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 85.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 6.8% แตะที่ 5.35 ล้านยูนิต เนื่องจากชาวอเมริกันใช้ประโยชน์จากโครงการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้าน
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 456,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 455,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงซบเซา หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 เม.ย. พุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 355.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วอยู่ราว 3.3%
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 224.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล และสูงกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วราว 4.8% ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 148.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.3% แตะระดับ 85.9%