สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนมิ.ย.ซึ่งมีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ขยับขึ้น 9 เซนต์ แตะที่ 83.79 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสายวันนี้ จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 83.70 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 84 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความสนใจเข้าเทรดในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 456,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 455,000 ราย
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 84 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ยอดขาดดุลของกรีซปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3202 ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่รัฐมนตรีกลุ่มรมว.คลังกลุ่ม G20 มีกำหนดจะประชุมร่วมกันที่กรุงวอชิงตันในวันนี้
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ หรือ ยูโรโซน เพิ่มขึ้นแตะ 6.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2552 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของที่อียูกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 3% ของจีดีพี
ยูโรสแตทระบุว่า ไอร์แลนด์และกรีซเป็นประเทศที่มียอดขาดดุลงบประมาณสูงสุดในยูโรโซน โดยไอร์แลนด์มียอดขาดดุลงบประมาณคิดเป็น 14.3% ของจีดีพี ขณะที่กรีซมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 13.6% ของจีดีพี
ส่วนหนี้สาธารณะรวมทุกรัฐบาลในยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะ 78.7% ของจีดีพีในปีที่แล้ว จากระดับ 69.4% ในปี 2551