สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมี.ค.ที่พุ่งสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยบดบังกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.92 - 85.19 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 3.55 เซนต์ ปิดที่ 2.2505 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ค.ไต่ระดับขึ้น 5.29 เซนต์ ปิดที่ 2.3531 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยายตัว 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคที่ช่วยกระตุ้นให้สัญญาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.พุ่งสูงขึ้น 27% แตะระดับ 411,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อนหน้านี้ เพราะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ประชาชนต้องการใช้สิทธิ์ในมาตรการลดหย่อนภาษีเงินกู้ 8,000 ดอลลาร์สำหรับการซื้อบ้านหลังแรก ขณะที่ผู้ซื้อบ้านหลังที่สองจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินกู้ 6,500 ดอลลาร์ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับสำหรับผู้ที่ทำสัญญาซื้อบ้านในระหว่างวันที่ 30 เม.ย.2553 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2553
ขณะเดียวกัน รายงานยอดขายบ้านใหม่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานในก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยังช่วยบดบังกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินในกรีซ รวมถึงความกังวลต่อภาวะดีมานด์ด้านพลังงานในตลาดน้ำมันที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ