รัฐบาลอินโดนีเซียวางแผนลดการใช้น้ำมันให้ได้ 25% ภายในระยะเวลา 5 ปี ด้วยการหันไปใช้แหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพซึ่งมีเป็นจำนวนมากในประเทศแทน
Sukhyar ผู้อำนวยการฝ่ายธรณีวิทยาของกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า การพัฒนาพลังงานความร้อนใต้พิภพกำลังการผลิต 4,000 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ.2557 ตามที่วางแผนไว้ภายใต้โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าเร่งด่วนระยะที่ 2 จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 60 ล้านบาร์เรลต่อปี ซึ่งการใช้พลังงานที่สะอาดขึ้นเช่นนี้จะช่วยให้อินโดนีเซียแลกเครดิตคาร์บอน (carbon credits) ได้หลายล้านตัน
นอกจากนั้น Sukhyar เปิดเผยว่ารัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าพัฒนาพลังงานความร้อนใต้พิภพกำลังการผลิต 9,000 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ.2568 ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ทั้งหมด 4 พันล้านบาร์เรล
มีการคาดการณ์ว่า 40% ของแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพทั่วโลกอยู่ที่อินโดนีเซีย หรือคิดเป็นกำลังการผลิตถึง 27,000 เมกะวัตต์ต่อปี แต่กระทรวงพลังงานอินโดนีเซียเผยว่าจนถึงตอนนี้ทำการผลิตได้เพียง 1,198 เมกะวัตต์เท่านั้น เนื่องจากมีปัญหาด้านต้นทุน โดยการพัฒนาพลังงานความร้อนใต้พิภพกำลังการผลิต 4,000 เมกะวัตต์ ต้องใช้เงินลงทุนถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อปลายปีที่แล้ว ธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนด้านการเงินกับโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกันรัฐบาลอินโดนีเซียก็หวังว่าจะระดมทุนจากนักลงทุนเอกชนรายอื่นๆ รวมถึงประเทศพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน