สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอีก 2 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายอย่างหนักหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สินของกรีซอาจส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกรอบใหม่ และการพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐก็ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลลงได้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.81-75.09 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.ลดลง 3.42 เซนต์ ปิดที่ 2.0795 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 3.12 เซนต์ ปิดที่ 2.1251 ดอลลาร์/แกลลอน ขณะที่สัญญาก๊าสธรรมชาติดีดขึ้น 8.6 เซนต์ ปิดที่ 4.015 ดอลลาร์/1,000 ลูกบาศก์ฟุต
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซ แบงค์ กล่าวว่า นักลงทุนตื่นตระหนกต่อการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลของกรีซจะลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจทำให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินยุโรปได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขจ้างงานที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 290,000 อัตรา ทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี แต่อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 9.9%
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก โดยมีรายงานคืบหน้าว่าวิศวกรของบริษัท บีพี ได้นำอุปกรณ์โลหะที่มีลักษณะเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ไปติดตั้งในพื้นทะเลนอกอ่าวเม็กซิโก เพื่ออุดรอยรั่วของบ่อน้ำมันที่รั่วไหลติดต่อกันมานานหลายสัปดาห์
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ โอบามา ยอมรับว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งนี้กำลังสร้างความหายนะแก่ธรรมชาติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยน้ำมันที่รั่วลงทะเลกว่า 210,000 แกลลอน/วันได้กระจายเป็นวงกว้างกว่า 23,000 ตารางกิโลเมตรแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงและระบบนนิเวศน์ของสหรัฐ