สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) จากการคาดการณ์ว่าความต้องการพลังงานจะฟื้นตัวช้า หากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปยังดำเนินต่อไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. โดยเมื่อวันศุกร์ราคาเคลื่อนตัวในช่วง 70.83 - 74.13 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.ลดลง 7.13 เซนต์ ปิดที่ 2.0606 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.ลดลง 6.43 เซนต์ ปิดที่ 2.1308 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรปได้บดบังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่ขยายตัว 2.1% ในเดือนมี.ค. นับเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 7 ติดต่อกันและดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากขยับขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 73.3 ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 72.2 ในเดือนเม.ย.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เป็นบวกเหล่านี้ไม่สามารถช่วยผลักดันตลาดได้เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปที่มีมากกว่า โดยนักลงทุนหวั่นว่า ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปอาจลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหมายถึงความต้องการพลังงานที่จะลดลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันให้ร่วงลงเช่นกัน โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 18 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร