สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และทำให้ดีมานด์พลังงานทั่วโลกลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าเงินยูโรที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ยังส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดน้ำมันนิวยอร์กซบเซาลงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 67 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 69.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.2552 โดยในระหว่างวันสัญญาน้ำมันดิบเดือนมิ.ย.เคลื่อนตัวในช่วง 72.36-69.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.ลดลง 2.37 เซนต์ ปิดที่ 1.9615 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.ทรงตัวที่ 2.0431 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน เดือนมิ.ย.ร่วงลง 67 เซนต์ ปิดที่ 74.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป แม้สหภาพยุโรป (อียู) ได้โอนเงินกู้ฉุกเฉินล็อตแรกให้กับกรีซแล้วเมื่อวานนี้ ก่อนที่พันธบัตรมูลค่า 8.5 พันล้านยูโร หรือ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ของกรีซจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันพุธที่ 19 พ.ค. ก็ตาม
หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการแล้ว ปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐ ลดลง 794,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล นอกจากนี้ API ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น และสต็อกน้ำมันกลั่นปรับตัวลดลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไป เดือนเม.ย.ปรับตัวลดลง 0.1% ทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 3 เดือน หลังจากราคาอาหารและพลังงานร่วงลง ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 0.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดวว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล