สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและจะฉุดรั้งดีมานด์พลังงานให้อ่อนแอลงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.66% มาปิดที่ระดับ 68.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 64.24 - 71.29 ดอลลาร์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเดือนมิ.ย.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ค. และนักลงทุนบางส่วนเริ่มย้ายฐานการลงทุนเข้าไปในสัญญาเดือนก.ค.แล้ว โดยเมื่อคืนนี้สัญญาเดือนก.ค.ร่วงลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.32% ปิดที่ 70.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.ลดลง 5.07 เซนต์ ปิดที่ 1.9645 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.ลดลง 4.33 เซนต์ ปิดที่ 1.9019 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ดิ่งลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะพลังงานหดตัวในสหรัฐ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 พ.ค.เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล แต่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล
สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 300,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะพุ่งขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นที่รวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจะฉุดรั้งดีมานด์พลังงานให้อ่อนแอลงด้วย รวมถึงข่าวที่ว่าชาวกรีซจำนวนมากพากันประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลกรีซ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจะสถานการณ์อาจบานปลายและรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังที่เกิดเหตุประท้วงที่รุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คนในกรุงเอเธนส์ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 471,000 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน