สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อันเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป และข่าวความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.46 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 68.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 67.15 - 69.91 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.62 ดอลลาร์ หรือ 2.28% ปิดที่ 69.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 68.15 - 70.95 ดอลลาร์
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเพราะต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และหันไปถือครองสัญญาทองคำและสกุลเงินดอลลาร์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า เนื่องจากความกังวลเกี่ยวที่ว่าวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจะฉุดรั้งดีมานด์พลังงานทั่วโลกหดตัวลงด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หลังจากนายคิม จองอิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ สั่งการให้กองทัพเกาหลีเหนือเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สหรัฐและเกาหลีใต้จะจัดการซ้อมรบเพื่อต่อต้านเรือดำน้ำร่วมกันในน่านน้ำนอกคาบสมุทรเกาหลีในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือยิงจรวดตอร์ปิโดใส่เรือรบเกาหลีใต้ในทะเลเหลืองจนเรืออับปางลง และมีผู้เสียชีวิต 46 ราย
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะทรงตัว ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%
หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการเมื่อคืนนี้ การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ค. พุ่งขึ้น 616,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล แต่ะสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล