สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวที่ดี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปและตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.76 ดอลลาร์ หรือ 4.01% ปิดที่ 71.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 71.65 - 71.51 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.9 เซนต์ ปิดที่ 1.9207 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.ดีดขึ้น 3.96 เซนต์ ปิดที่ 1.9704 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากทางการสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.9% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 14.8% แตะที่ 504,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อเข้าทำสัญญาซื้อบ้านใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล
นักวิเคราะห์จากออยล์ ไพรซ์ อินฟอเมชัน เซอร์วิส กล่าวว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ มากกว่าวิตกฤตการณ์การเงินในยุโรปและรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐ
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 365.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 300,000 บาร์เรล แตะระดับ 152.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 221.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับที่มีการคาดการณ์ไว้ และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 87.8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในกรุงนิวยอร์กเดือนพ.ค
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความคืบหน้าของเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก หลังจากมีรายงานว่านักเคลื่อนไหวประมาณ 100 คน ได้มารวมตัวกันหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัทบีพีในเมืองฮุสตัน เพื่อพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจเรื่องน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งแรกๆที่สำนักงานใหญ่ของบีพี นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุแท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบริษัทระเบิดเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย. จนทำให้เกิดรูรั่วปล่อยน้ำมันไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกในปริมาณมาก