สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 74.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.32 - 74.95 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.32 เซนต์ ปิดที่ 2.0391 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5.51 เซนต์ ปิดที่ 2.0812 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ทะยานขึ้น 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 73.79 - 75.58 ดอลลาร์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ค. ร่วงลง 1.9 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 363.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 2.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 219 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 153 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 100,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.3% สู่ระดับ 87.5% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ รวมทั้งรายงานยอดสั่งซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ยังคงมีการขยายตัว โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 10,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 453,000 คน และทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่ ADP Employer Services รายงานว่าภาคเอกชนทั่วประเทศเพิ่มการจ้างงาน 55,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ส่วนยอดสั่งซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนเม.ย. แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.8%
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก โดยล่าสุดมีรายงานจากสำนักงานจัดการด้านทรัพยากรแร่ของสหรัฐว่า รัฐบาลจะระงับไม่ให้มีการขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึกทั้งหมดในอ่าวเม็กซิโก หลังจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดจนเป็นเหตุให้แท่นขุดเจาะจมลง และทำให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก
วิกฤตน้ำมันรั่วครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐได้ส่งผลให้เกิดคราบน้ำมันปกคลุมผิวน้ำในรัศมี 100 ไมล์ตามแนวชายฝั่ง และทำให้การขุดเจาะน้ำมันใต้ทะเลลึกแห่งใหม่ในอ่าวเม็กซิโกต้องหยุดชะงักลง อีกทั้งยังส่งผลให้มีการปิดน่านน้ำ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทำการประมง และยังส่งผลให้บีพีสูญเงินไปแล้วเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนพ.ค.ในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 9.8%