สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 2.8% มาอยู่ที่ระดับ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงเช้าวันนี้ จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ 71.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะลุกลามไปทั่วยุโรป และหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่าจะดีมานด์พลังงานจะหดตัวลงด้วย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ในเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 431,000 ตำแหน่ง แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 508,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.7%
ตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการจ้างพนักงานชั่วคราวของภาครัฐในส่วนงานสำมะโนประชากรจำนวน 411,000 ตำแหน่ง โดยรัฐบาลกลางสหรัฐมียอดการจ้างพนักงานดังกล่าวสูงสุดในเดือนพ.ค. ซึ่งตัวเลขนี้จะเริ่มลดจำนวนลงในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะจะลุกลามไปทั่วยุโรป หลังจากนายมิฮาลี วาร์กา หัวหน้าคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฮังการี เปิดเผยว่า ฮังการีมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับวิกฤตหนี้สาธารณะเช่นเดียวกับกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินยูโรดิ่งหนักสุดในรอบ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฮังการีได้กลับลำยืนยันในวันนี้ว่า ฮังการีไม่มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส มองว่าการยืนยันของรัฐบาลฮังการีถือเป็นการ "แก้ข่าว" และยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะช่วยลดความวิตกกังวลของนักลงทุน จนกว่านายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์แบน ของฮังการี จะบังคับใช้มาตรการเข้มงวดในการลดยอดขาดดุลงบประมาณตามข้อกำหนดของอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วของบริษัท บีพี โดยล่าสุดบีพียืนยันในวันนี้ว่า บริษัทสามารถดักจับคราบน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกได้ราว 10,500 บาร์เรลเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้านั้นที่สามารถดักจับได้เพียง 6,077 บาร์เรล ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาการณ์ชายฝั่งของสหรัฐประมาณการว่า ปฏิบัติการดักจับน้ำมันรั่วไหลครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน จึงจะทำให้ผลกระทบของน้ำมันรั่วลดน้อยลง