ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่ง $2.39 หลัง"เบอร์นันเก้"ระบุปัญหายุโรปกระทบสหรัฐไม่มาก

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 10, 2010 07:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) ขานรับเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก และระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวแม้อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ร่วงลงเหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 74.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.03 - 74.96 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.72% ปิดที่ 74.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ทะยานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐแค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ตราบใดที่วอลล์สตรีทยังคงมีเสถียรภาพ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ใน "ระยะฟื้นตัว" แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ที่รวมถึงปัญหาการเงินในยุโรป อัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

เบอร์นันเก้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในปีนี้และปีหน้า แม้รัฐบาลสหรัฐเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตรา 3.5% ในปีนี้ และ 4% ในปีหน้า ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ และพันธบัตรสหรัฐยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ ภาคเอกชนสหรัฐยังคงมีการขยายตัวและใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้จะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 4 มิ.ย. ร่วงลง 1.8 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 361.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 900,000 บาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 154.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินทรงตัวที่ระดับ 219.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 89.1% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัว

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเป) ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลก โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันในปี 2553 อาจเพิ่มขึ้นเพียง 940,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 10,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน นอกจากนี้ โอเปคได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ซัพพลายพลังงานของประเทศนอกกลุ่มโอเปคด้วย

นักลงทุนจับตาดูรายงานคาดการณ์ดีมานด์พลังงานทั่วโลกของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วของบริษัทบีพี หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยรายงาน "Short- Term Energy Outlook" ซึ่งทางกระทรวงได้ปรับลดคาดการณ์ผลผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกลง 6.1% เนื่องจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) หรือ Light Sweet Crude จะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 78.75 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ สูงกว่าระดับเฉลี่ยที่ 61.66 ดอลลาร/บาร์เรลของปี 2552 อยู่ราว 28% นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกสู่ระดับ 1.69 ล้านบาร์เรล/วัน จากการประมาณการในเดือนที่แล้วที่ 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ