ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดร่วง 1.7 ดอลล์ หลังยอดค้าปลีกอ่อนแอจุดชนวนวิตกศก.สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 12, 2010 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสี่วันเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่ร่วงลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนพ.ค. ได้จุดชนวนความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่สุดของโลก

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.25% ปิดที่ 73.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 73.26 - 75.64 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.ลดลง 2.75 เซนต์ ปิดที่ 2.0053 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.ลดลง 2.08 เซนต์ ปิดที่ 2.0497 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 94 เซนต์ ปิดที่ 74.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบทรุดลงถึง 2.3% หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคเริ่มอดออม ในขณะที่การจ้างงานชะลอตัว อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง และตลาดหุ้นผันผวน

ยอดค้าปลีกที่ลดลงในเดือนพ.ค.สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.6% และตัวเลขที่ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายนี้ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาคครัวเรือนจะเริ่มลดการใช้จ่าย หลังจากที่เพิ่งมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่ชะลอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจมีผลต่อทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดน้ำมัน เพราะถ้าเศรษฐกิจดีความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในทางกลับกัน ถ้าเศรษฐกิจย่ำแย่ ความต้องการใช้น้ำมันก็จะหดตัวลง ความกังวลใดๆก็ตามเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดขึ้นอยู่กับการคาดการณ์เรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดัน หลังจากที่เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มีความน่าดึงดูดลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่น และจะผลักดันนักลงทุนให้ผละออกจากตลาดน้ำมันไปลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราแทน

โดยค่าเงินยูโรแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์ แต่อ่อนค่าลงหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ