ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก $1.34 หลังผลผลิตอุตสาหกรรมยูโรโซนแข็งแกร่ง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 15, 2010 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกอาจส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันโดยรวมในอ่าวเม็กซิโกลดน้อยลง ซึ่งจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 75.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.97 เซนต์ ปิดที่ 2.0250 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.67 เซนต์ ปิดที่ 2.0764 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 75.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ค.ทะยานขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งยูโรโซนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ต่อเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 9.5 % ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนขยายตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba1 จากระดับ A3 โดยอันดับความน่าเชื่อถือที่ Ba1 ถือเป็นระดับ "ขยะ" หรือ "ระดับที่ไม่น่าลงทุน" เนื่องจากความไม่มั่นใจที่ว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่ประกาศไว้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้หรือไม่

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพลังงานได้ปรับลดคาดการณ์ผลผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกลง 6.1% เนื่องจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปริมาณการผลิตที่น้อยลงจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย

นายเดวิด แอ็กเซลร็อด เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องการให้บริษัทบีพี พีแอลซี จัดตั้งบัญชี Escrow Account (บัญชีค้ำประกันการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินโดยให้คนกลางที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือเข้ามาทำหน้าที่ดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาให้เป็นไปตามที่ตกลงไว้) เพื่อเป็นบัญชีใช้จ่ายในการชดเชยความเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก โดยโอบามากล่าวว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกมีผลกระทบต่อจิตใจของชาวอเมริกันเทียบเท่ากับเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มิ.ย. ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ