สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 76 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นผลมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดเมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของบีพี ทั้งในเรื่องงบประมาณการใช้จ่ายและแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.42% ปิดที่ 76.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดของสัญญาเดือนใกล้นับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยในระหว่างวันสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ค.หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 74.62 - 77.16 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.26 เซนต์ ปิดที่ 2.0685 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.51 เซนต์ ปิดที่ 2.1035 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.33% ปิดที่ 76.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับอิทธิพลจากข่าวน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก รวมถึงการคาดการณ์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งนี้ส่งผลให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศใช้มาตรการห้ามขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่น้ำลึกของอ่าวเม็กซิโกเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยจะลดลง 26,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาส 4 ปีนี้ และลดลง 70,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกสู่ระดับ 1.69 ล้านบาร์เรล/วัน จากการประมาณการในเดือนที่แล้วที่ 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะขยายตัว 1.8% สู่ระดับ 85.51 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ ส่วนในปีหน้าคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 87.12 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของบีพี โดยมีรายงานว่านายโทนี เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีเตรียมเข้าพบประธานาธิบดีโอบามาในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันรั่ว ก่อนที่นายฮาเวิร์ดจะแถลงความคืบหน้าต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันพฤหัสบดี
นายบิล เบอร์ตัน รองเลขาธิการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทบีพี พีแอลซี เรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่ในอ่าวเม็กซิโก โดยนายเบอร์ตันคาดว่า จำนวนเงินที่บีพีต้องจ่ายชดเชยในเหตุการณ์ครั้งนี้อาจมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดน้ำมัน NYMEX ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในรัฐนิวยอร์กขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งทำให้นักลงทุนยิ่งเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและต้านทานวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปได้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มิ.ย. ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%