สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) โดยสัญญาดีดขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า ดีมานด์พลังงานจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากจีนปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วจะปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ดีดขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 77.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.เป็นต้นมา และในระหว่างวัน สัญญาเคลื่อนตัวในช่วง 76.88 - 78.92 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.ลดลง 0.48 เซนต์ ปิดที่ 2.1428 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.70 เซนต์ ปิดที่ 2.1459 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 78.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.73 - 79.86 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าดีมานด์พลังงานจากจีนจะปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของจีนอาจปูทางไปสู่การปรับขึ้นค่าเงินหยวนในวันข้างหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียได้สั่งให้บริษัทก๊าซพรอม ระงับการจัดส่งก๊าซให้กับเบลารุส หลังจากที่เบลารุสปฏิเสธที่จะชำระหนี้ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์แก่รัสเซีย ซึ่งคาดว่าคำสั่งดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อปริมาณก๊าซกว่า 85% ที่รัสเซียส่งให้กับเบลารุส
นายอเล็กซี มิลเลอร์ ซีอีโอของก๊าซพรอม กล่าวว่า ประธานาธิบดีรัสเซียยังได้ขอให้บริษัทเจรจากับทางเบลารุสต่อไป โดยการระงับการจัดส่งก๊าซครั้งนี้จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสัดส่วนของหนี้สิน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 100,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 23 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0 - 0.25% และจับตาดูแถลงการณ์การประเมินเศรษฐกิจของเฟด