สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนส.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ร่วงลง 81 เซนต์ หรือ 1% แตะที่ 77.04 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้านี้ จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 77.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะเป็นไปอย่างล่าช้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) โดยสัญญาปิดที่ระดับ 77.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 61 เซนต์
API เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย.พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 810,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ดิ่งลง 2.2% สู่ระดับ 5.66 ล้านยูนิต/ปี บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังอยู่ในภาวะเปราะบาง แม้รัฐบาลประกาศใช้นโยบายสร้างแรงจูงใจ รวมถึงการลดหย่อนภาษีก็ตาม
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังถูกดดันจากข่าวที่ว่า ศาลกลางเมืองนิวออร์ลีนได้ปฏิเสธคำร้องของรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการให้ศาลบังคับใช้กฎหมายห้ามขุดเจาะน้ำมันในบริเวณน้ำลึกเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบริษัทบีพีระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้คนงานเสียชีวิต 11 ราย และทำให้น้ำมันจำนวนมากรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ในสังกัดกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 100,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%