ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดร่วง $1.50 หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเหนือความคาดหมาย

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 24, 2010 07:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยลบจากรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก ขณะเดียวกันนักลงทุนติดตามดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐที่พยายามบังคับใช้กฎหมายห้ามขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.ลดลง 4.45 เซนต์ ปิดที่ 2.0684 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.ร่วงลง 5.12 เซนต์ ปิดที่ 2.0823 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงาน (EIA) ในสังกัดกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย. พุ่งขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล

สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนพ.ค.ร่วงลง 32.7% มาอยู่ที่ระดับ 300,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 410,00 ยูนิต เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาลได้หมดอายุลงในเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูท่าทีของรัฐบาลสหรัฐที่พยายามบังคับใช้กฎหมายห้ามขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง โดยนายโรเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในเมืองนิวออร์ลีนส์ เพื่อขอให้ศาลบังคับใช้กฎหมายห้ามขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่น้ำลึกเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบริษัทบีพีเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ได้คร่าชีวิตคนงาน 11 คน และส่งผลให้น้ำมันดิบหลายล้านแกลลอนรั่วลงสู่อ่าวเม็กซิโก

ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุลูกแรกในฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบีพี ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาหลายคนคาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน อาจเป็นปีที่มีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จิม รอยเลอร์ นักอุตุนิยมวิทยาของ Planalytics Inc. ในรัฐเพนซิลวาเนีย คาดว่า พายุจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนภายในปลายสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่อ่าวเม็กซิโก และคาดว่าความรุนแรงของพายุจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันรั่วไหลของบีพี

สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) คาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 14-23 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่พายุเฮอริเคนแคทรินา และริต้า กระหน่ำชายฝั่งสหรัฐจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ