สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนส.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.4% แตะที่ 75.10 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเวนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 74.07 ดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายในร้านค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พลังงานรายใหญ่สุดของโลก
สมาคมศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ICSC) ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐในช่วง 5 เดือนแรกของปีบัญชีซึ่งเริ่มต้นวันที่ 31 เดือนมกราคมปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ซึ่งนับเป็นระดับสูงที่สุดนับแต่ปี 2549 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัท Nordstrom Inc. และ Kohl’s Corp. จะรายงานยอดขายในเชนร้านค้าปลีกเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยอดค้าปลีกขยายตัวขึ้นสวนทางกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ตกต่ำลงในเดือนที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของยอดค้าปลีก แต่เมื่อพิจารณาจากอัตราการขยายตัวของยอดขายในร้านค้านับตั้งแต่ต้นปีมานี้ ปรากฏว่าผู้บริโภคมีอัตราการใช้จ่ายสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลง 7.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับตัวลดลง เนื่องจากบริษัทพลังงานพากันระงับการผลิตก่อนที่พายุเฮอริเคนอเล็กซ์จะเคลื่อนตัวผ่านไป
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของ API ทำให้นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในคืนวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ค.จะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 300,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวอยู่ที่ 88.4%