สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) ท่ามกลางปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) เดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 76.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.00 - 76.48 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.ขยับขึ้น 2.04 เซนต์ ปิดที่ 2.0257 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.89 เซนต์ ปิดที่ 2.0700 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.ไต่ระดับขึ้น 71 เซนต์ ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ สอดคล้องกับตลาดหุ้นที่ดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากที่นักลงทุนได้เทขายหุ้นไปเมื่อช่วงก่อนถึงวันหยุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่อคืนนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางกระแสคาดการณ์ในแง่บวกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของภาคเอกชนที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน แม้ยอดขายจะปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยสต็อกสินค้าภาค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่ยอดขายลดลง 0.3%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานข้อมูลผลผลิตน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ค.ร่วงลง 4.96 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 358.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล และรายงานของ EIA ยังระบุถึงอุปสงค์น้ำมันเบนซินค้าส่งโดยเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น 2%