สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท ฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก และรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 76.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 75.50 - 77.69 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.57 เซนต์ ปิดที่ 2.0170 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.04 เซนต์ ปิดที่ 2.0772 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 75.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานสหรัฐมากขึ้น หลังจากฮัลลิเบอร์ตันรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 แม้ต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดการกับปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกก็ตาม ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฮัลลิเบอร์ตันดีดตัวขึ้น 6.5% และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพีร่วงลงอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลจากข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐได้สั่งการให้บริษัทน้ำมันบีพีเตรียมเปิดบ่อน้ำมันมาคอนโดอีกครั้งหลังตรวจพบการรั่วซึมและตรวจพบความผิดปกติบริเวณเหนือบ่อน้ำมัน ซึ่งข่าวดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบีพีอีกครั้ง นับตั้งแต่ได้เกิดระเบิดขึ้นที่บ่อน้ำมันแห่งนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีคนงานที่แท่นขุดเจาะเสียชีวิตและทำให้น้ำมันไหลทะลักลงสู่ท้องทะเลจนสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและธุรกิจในบริเวณดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบหลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)/ เวลส์ ฟาร์โกเปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552
นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงยาฮู อิงค์, แอปเปิล อิงค์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโกลด์แมน แซคส์ รวมทั้งจับตาดูความเคลื่อนไหวของพายุเฮอริเคน หลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เรดาร์ได้ตรวจพบคลื่นกระแสลมทางฝั่งตะวันออกสองลูก โดยคลื่นลูกหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่ใกล้หมู่เกาะลีเวิร์ด ส่วนคลื่อนอีกลูกหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่ทางตอนกลางของทะเลแคริบเบียน ซึ่งคลื่นกระแสลมทั้งสองลูกนี้นี้มีโอกาสราว 20% ที่จะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า
กระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ภูมิภาคกัลฟ์โคสต์เป็นแห่งผลิตน้ำมันที่มีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ โดยในช่วงเดือนส.ค. - ก.ย.ปี 2551 โรงกลั่นน้ำมันในกัลฟ์โคสต์ต้องสูญเสียมูลค่าการผลิตน้ำมันต่อวันประมาณ 20% เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากพายุเฮอริเคนไอค์และกุสตาฟ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3 %