สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนส.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ ดีดตัวขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.4% แตะระดับ 76.83 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ที่ 76.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และจากการคาดการณ์ที่ว่าดีมานด์พลังงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัท ฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด แม้ต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดการกับปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกก็ตาม ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฮัลลิเบอร์ตันดีดตัวขึ้น 6.5% และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นด้วย
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3 %
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เผยจีนได้แซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่ใช้พลังงานรายใหญ่สุดของโลกในปี 2552 โดยจีนได้ใช้น้ำมันดิบ ถ่านหิน แก็สธรรมชาติ พลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ 2,252 ล้านตันในปี 2552 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าสถิติการใช้พลังงานของสหรัฐที่ 2,170 ล้านตัน จากสถิติดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำว่า ประเทศกำลังพัฒนากำลังทำหน้าที่เป็นปัจจัยที่ผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าน้ำมันของจีนในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 48% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตั้งแต่ปี 2548 ส่วนยอดการนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 22.1 ล้านตัน หรือประมาณ 5.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน