ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก 90 เซนต์ หลังดาวโจนส์ดีดตัว-คาดการณ์ดีมานด์พลังงานฟื้น

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 21, 2010 07:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วจะปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนถึงภาวะดีมานด์พลังงานที่ยังคงแข็งแกร่งในสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับรายงานคาดการณ์ของสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า ดีมานด์พลังงานทั่วโลกจะยังคงขยายตัวทั้งปีนี้และปีหน้า

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ดีดขึ้น 90 เซนต์ 1.18 % ปิดที่ 77.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.55 - 77.15 ดอลลาร์

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเดือนส.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคารที่ 20 ก.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเริ่มทำการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ย. โดยเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 68 เซนต์ ปิดที่ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.77 เซนต์ ปิดที่ 2.0247 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.96 เซนต์ ปิดที่ 2.0786 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ย.ดีดขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 76.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จากจีบีซี เอนเนอร์จี กล่าวว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงเคลื่อนไหวไปตามทิศทางตลาดหุ้นและข้อมูลที่บ่งชี้ถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบดีดขึ้นปิดในแดนบวกหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานขึ้นในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นโกลด์แมน แซคส์ แม้ธนาคารได้เปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาส 2 ทรุดตัวลง 83% มาอยู่ที่ระดับ 453 ล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์ต่อหุ้นก็ตาม

ตลาดได้แรงหนุนจากการวิเคราะห์ที่ว่าอาจเกิดภาวะซัพพลายตึงตัวในตลาดพลังงาน อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐมีคำสั่งระงับการขุดเจาะน้ำมันที่บริเวณน้ำลึกในอ่าวเม็กซิโก หลังจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่บ่อน้ำมันของบริษัทบีพีส่งผลให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับรายงานคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.6% หรือ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 87.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาขยายตัวขึ้น

นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจาก IEA ระบุว่า จีนแซงหน้าในสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลกในปีที่แล้ว โดยปริมาณการใช้พลังงานของจีนในปี 2552 อยู่ที่ 2.252 พันล้านตัน สูงกว่าปริมาณการใช้พลังงานของสหรัฐที่ระดับ 2.17 พันล้านตันอยู่ราว 0.4%

อย่างไรก็ตาม นายโจว เซียน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานแห่งชาติของจีน (NEA) ได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวของ IEA โดยยืนยันข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนว่า ปริมาณการใช้พลังงานของจีนในปีแล้วมีอยู่ทั้งสิ้น 2.132 พันล้านตัน พร้อมกับกล่าวว่า ข้อมูลที่ถูกต้องคือจีนแซงหน้าสหรัฐในเรื่องการขยายขอบข่ายการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ และก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก

นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3 %


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ